ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจทุกวันนี้เป็นตัวเร่งให้ทุกองค์กรต้องปรับตัวกันขนานใหญ่
หลายๆ องค์กรเชื่อว่าการพึ่งพลังความคิดของคนรุ่นใหม่น่าจะเป็นทางออกที่ดี แต่กลับลืมนึกถึงคนรุ่นเก่าภายในองค์กรจนเกิดช่องว่างขึ้น
เพราะความรู้ ประสบการณ์ ของบุคลากรแต่ละคนล้วนแตกต่างกัน ทำให้คนในองค์กรทั้งผู้อาวุโสและบุคลากรรุ่นใหม่ไม่สามารถปรับตัวเข้าหากันได้ แม้แต่ผู้นำเองหลายๆ คนก็ยังไม่รู้ว่าจะสื่อสารระหว่างคนสองกลุ่มนี้ได้อย่างไร
โดยเฉพาะบริษัทเกิดใหม่ที่อย่างคิดเพียงแค่ว่ามีเงินทุนก็ตั้งบริษัทได้แล้ว เพราะยังมีปัจจัยอีกมากที่ต้องคำนึงถึง เช่นตัวสินค้าและบริการ ลูกค้า ซัพพลายเออร์ ฯลฯ และที่สำคัญที่สุดก็คือทีมงานที่ต้องมีผู้นำคอยกำกับดูแลและขับเคลื่อนให้ทุกคนไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้พร้อมๆ กัน
แต่ปัญหาใหญ่อยู่ที่มุมมองความคิดของบุคลากรแต่ละคนที่ล้วนมีมิติทางความคิดเพียงด้านเดียวเป็นส่วนใหญ่ เช่นคนรุ่นเก่าที่อยู่กับองค์กรมานาน จนเป็นทั้งพนักงานและหุ้นส่วนจึงมีความทุ่มเทให้องค์กรอย่างเต็มร้อย เมื่อใส่ใจให้องค์กรเช่นนี้ก็มักจะรู้สึกขวางหูขวางตาคนรุ่นใหม่ที่ไม่ทุ่มเทเท่า
คนรุ่นใหม่เองก็คิดในด้านลบต่อคนรุ่นเก่าๆ เพราะมองว่าไม่มีพลังและความคิดสร้างสรรค์เท่า ท้ายที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ต่างสร้างกำแพงต่อกัน ฝ่ายขายก็รู้สึกว่าฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นคนรุ่นใหม่ไม่รู้จักลูกค้าเท่าตัวเองจนสร้างสินค้าออกมาไม่ตรงใจทำให้ขายไม่ได้
ฝ่ายผลิตภัณฑ์ก็ไม่เชื่อในความสามารถฝ่ายการตลาดเพราะคิดว่าเป็นคนรุ่นเก่าตามไม่ทันพฤติกรรมผู้บริโภคสมัยใหม่ ตั้งราคาสินค้าแพงเกินไป ไม่สอดคล้องกับความเป็นไปของตลาด ฯลฯ สุดท้ายแล้วก็โทษกันไปโทษกันมาโดยหาสาเหตุไม่ได้ว่าทำไมถึงล้มเหลว
ผมเชื่อว่าหลายๆ องค์กรกำลังเกิดปัญหานี้อยู่ แต่ละหน่วยงาน แต่ละแผนกคิดกันไปคนละทิศคนละทางและโทษกันไปโทษกันมาโดยไม่มีใครฟังใคร เปรียบเสมือนรถโดยสารที่คนขับไม่รู้จะขับไปทิศไหน เพราะผู้โดยสารแต่ละคนก็อยากไปตามทางที่ตัวเองต้องการ
บทหนักจึงอยู่ที่ผู้นำที่ต้องประสานความต้องการของแต่ละส่วนให้ปรับตัวเข้าหากันให้สำเร็จ และรู้จักนำจุดเด่นของแต่ละคนมาใช้ให้ถูกทาง เพราะผมเชื่อว่าแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ หากมีใจคิดถึงองค์กรส่วนรวมแล้ว ไม่ว่าจะอยากให้องค์กรขับเคลื่อนไปทิศทางไหนก็ล้วนเป็นประโยชน์ด้วยกันทั้งนั้น
แต่จะเลือกทางใดที่หลอมรวมความคิดของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกันได้ นั่นเป็นบทบาทที่ผู้นำต้องชี้ให้เห็นว่าอะไรคือปัญหาขององค์กรและทางออกอยู่ที่ใด ซึ่งผู้นำต้องทำให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกันและสร้างให้ทุกคนมองเห็นเป้าหมายร่วมกันแม้จะไม่ได้เป็นแนวทางที่ตัวเองชอบนักก็ตาม
ถ้าทุกคนเห็นเป้าหมายร่วมกัน พลังก็จะเกิดขึ้นผลักดันให้องค์กรไปสู่เป้าหมายที่ต้องการได้ในที่สุด